บนเส้นทางสายไหม คาราโครัม ดินแดนปากีสถาน
เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ เริ่มต้นที่เมืองอับบอตตาบัด สู่เมืองนาราน
รถวิ่งไปตามแม่น้ำสินธุไหลผ่านแนวเทือกเขาสูง
ผ่านหุบเขาดูแบร์และโตรกผาถนนเลียบบนหน้าผาสูงชันเหนือแม่น้ำสินธุ100เมตร
สีสันในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีช่วง19-31ตุลาคม 2559หมู่บ้านPassu วิวสวยงามด้วยล้อมรอบด้วยภูเขาสูง
วิวใกล้เขตแดนด่านกุนจีราฟ(Khunjerab) ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน บนความสูงกว่าระดับน้ำทะเล4,700 เมตร การเดินทางในปากีสถาน
บนเส้นทางคาราโครัมในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี 19-31ตุลาคม2559
เรื่องราวการเดินทาง12 วัน เริ่มจากเมืองละฮอร์ ชมพระราชวังที่ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์โมกุล อันยิ่งใหญ่ ชมพิธีสวนสนาม ณ เขตชายแดนปากีสถาน-อินเดีย waga boder พิธีการเคารพธงชาติ ผลัดเปลี่ยนเวรประชันกันระหว่างทหารปากีสถานและเพื่อนบ้านทหารอินเดีย ไฮไลต์ของการมาละฮอร์ แล้วมุ่งสู่ กรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงปัจจุบันของสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน เราผ่านชมเมืองหลวงเก่าราวัลปินดี และได้ไปชมดินแดนแห่งพุทธศาสนา ในแผ่นดินอิสลาม..ณ เมืองตักศิลา อดีตเมืองหลวงของแคว้นคันธาระโบราณ ที่มีชื่อเสียงปรากฎมาแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาล ด้วยเป็นศูนย์กลางศิลปะวิทยาการ สถานที่บ่งบอกถึงความเจริญของพุทธศาสนา อดีตเป็นแหล่งศึกษา นับได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยแรกของโลกก็ว่าได้ เราได้ใช้เวลาพักใหญ่หลายชั่วโมงในการชมดินแดนแห่งนี้ ด้วยเป็นแหล่งโบราณคดีตักศิลา กระจายตัวในหุบเขากว้าง ประกอบด้วยซากเมืองโบราณ3แห่ง วัดวาอารามที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนา ณ ดินแดนแถบนี้ในอดีต ชมเมืองโบราณ สิรกัป ซึ่งเป็นเมืองตักศิลาสมัยที่ 2 ในพุทธศตวรรษที่ 4 ยุคอาณาจักรแบตเตรีย ซึ่งเป็นแม่ทัพกรีก ที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์แต่งตั้งให้ครองดินแดนที่ยึดไว้ได้ในแถบนี้ เป็นเมืองโบราณที่มีการวางผังเมืองเป็นตารางกริด มีถนนสายหลักตัดกลางเมือง
ชมธรรมราชิกสถูป เป็นสถูปที่เก่าแก่ที่สุดในปากีสถาน สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราชเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 3 ตั้งอยู่บนเนินเขาเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ชมพิพิธภัณฑ์โบราณคดีตักศิลา ก่อสร้างปี ค.ศ.1918 อายุ103ปี เพื่อรวบรวมโบราณวัตถุชิ้นสำคัญที่ได้จากการขุดค้น มีสมบัติล้ำค่ากว่าสี่พันชิ้น
ช่วงบ่าย หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จ ชมเมืองโบราณภีร์ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นที่ตั้งของเมืองตักศิลารุ่นแรกสมัยพุทธกาล และพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช แห่งมาซิโดเนียอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร ก็เคยกรีฑาทัพมาถึง เมืองเจริญรุ่งเรืองถึงพุทธศตวรรษที่ 4
บนเส้นทางนี้เราได้แวะชมเหมืองเกลือที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก คือKhewra Salt Kahar
เราใช้เวลา 2วัน2คืน ท่องเที่ยวจากละฮอร์ชมสถานที่โบราณตามเรื่องราวประวัติศาสตร์ ก็สนุกสนานได้ความรู้ ได้เรื่องที่ต้องไปคิดตามค้นคว้าหาข้อมูลที่น่าสนใจต่อไป ก่อนจะได้เดินทางบนเส้นทางสายคาราโครัม ..เริ่มต้นที่ เมืองอับบอตตาบัด นาราน กิลกิต ฮุนซา พาสซู สุดเขตแดนจีนปลายทางเส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ ณ ด่านกุนจีราฟ ย้อนกลับเส้นทางผ่านนาราน แคชเมียร์ปากีสถาน สู่เมืองหลวงอิสลามาบัด บินกลับไทย
ความงามของธรรมขาติ ขุนเขา สายน้ำ รถแวน วิ่งไปตามทางแม่น้ำสินธุไปตามไหล่เขา ผ่านเส้นทางเลียบผาสูง ชมความสวยงามพร้อมความหวาดเสียว
ผจญภัยกันไปอีก10วัน..วันแรกก็เจอจอดนิ่งๆ ด้วยถนนปิดชั่วคราวเนื่องจากหินหน้าผาถล่มลงมา...จะไม่ตื้นเต้น ได้ไง..แต่ก็ประทับใจไม่รู้ลืม
พระราชวังแห่งราชวงศ์
โมกุล ณ เมืองละฮอร์
มาถึงปากี ก็ต้องเชียร์ปากีสถานสิ
Waga Border ชุดดำ ทหารปากีสถาน
ชุดกากี ทหารอินเดีย
ระหว่างทางมีทหารขึ้นรถมาดูแลความปลอดภัย
ชมเมืองเก่าตักศิลา และโบราณสถานกันแล้ว ถึงเวลาชมธรรมชาติอันยิ่งใหญ่บนเส้นทาง คาราโครัม ไฮเวย์
รถบรรทุกปากีสถาน ศิลปะเป็น เอกลักษณ์
รถบรรทุกปากี..สีสันลวดลายบนถนนเส้นทางสายไหมโบราณคาราโครัมอันยาวไกลนี้ พัฒนาจาก "ลา "ที่พ่อค้ายุคโบราณใช้บรรทุก สินค้าเดินทางค้าขาย....ลาจะถูกตกแต่งด้วยพรหมสีสันสวยงามตามยุคนั้น มาถึง
ยุคปัจจุบันจากลากลายมาเป็นรถบรรทุก แต่ธรรมเนียมปฏิบัติยังคงรักษาไว้ด้วยการวาดลวดลายสีสันฉูดฉาดเริด หรู เป็นแฟชั่นของคนรถบรรทุก ด้วยการที่ต้องอยู่บนเส้นทางยาวไกลตลอดวันตลอดคืน เดินทาง ค้างแรมอยู่กินบนรถบรรทุก รถจึงเปรียบเสมือนบ้านไปแล้ว เจ้าของรถ,คนขับรถ เลยลงทุนให้รถบรรทุกของตนเองสวยงาม มีครบเหมือนบ้าน ที่นอน ครัว
เป็นหน้าเป็นตา..เป็นศรีสง่าแห่งตน..
ส่วนรถที่เราใช้เดินทางคือ
รถมินิบัสขนาดจุคนได้17ที่นั่ง แต่เรานั่งกันสบายๆเพียง12คน +ไกด์+คนขับ รวม14คนฝากชีวิตไว้กับ โชเฟอร์รถคันนี้ ตลอด12วันผจญภัย กับเหตุการณ์หินถล่มจากหน้าผาริมทาง ต้องจอดหยุดรอเจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัย.. รถวิ่งเลียบผาผ่านวิวภูเขาแสนสวยงาม เลียบหน้าผาไต่เขาไปตามเส้นทางแม่น้ำสินธุ..สายตาพยายามมองสูงเข้าไว้ อย่าได้เหลือบตาลง...โอ..นี่ฉันอยู่ริมผา เหวสูง..สวยแต่เสียว..ลุ้นตลอดทาง..คาราโครัม ไฮเวย์
ขอบคุณเกร็ดความรู้จากหนังสือ ปากี..ที่รัก ดร.อลิศรา มีนะกนิษฐ ค่ะ
Credit Alisara Menakanit
บนเส้นทางระหว่างNaran
สู่เมืองกิลกิต
รถแวน17ที่นั่งที่ใช้เดินทางตลอด12วัน
บนเส้นทางผ่านสถานที่จุดบรรจบ3เทือกเขาสูงของโลก มาบรรจบ เทือกเขาคาราโครัม,ฮินดูกูซ และหิมาลัย
วิวจากหน้าต่างห้องพักโรงแรมEagle nest ที่ ฮุนซานั่งรถจิ๊บไปชมป้อมบัลติด แห่งฮุนซา ป้อมมีอายุ750ปี
ล่องทะเลสาบอัตตาบาด อันเกิดจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จนเทือกเขาถล่มทลายปิดเส้นทางคาราโครัมเมื่อหลายปีก่อน ทำให้แม่น้ำฮุนซาท่วมท้นหุบเขากลายเป็นทะเลสาบ ท่ามกลางภูมิทัศน์ความสวยงาม รายล้อมด้วยยอดเขาที่ยอดปกคลุมด้วยหิมะ
วิวหน้าบ้านเจ้าของบ้านที่เราไปเยี่ยมในบ้านในเมืองPassuจากpassu ถึงด่านกุนจีราบ ระยะทาง124กม. ใช้เวลาเดินทาง4ชม.เป็นเส้นทางคาราโครัมช่วงสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ประเทศจีน. เป็นเส้นทางที่พระถังซัมจั๋ง เดินทางจากซีอานสู่อินเดียเพื่ออัญเชิญ พระไตรปิฎก
ส่วนฝั่งจีนคือมณฑลซินเจียง
ขากลับจากpassu เราเดินทางแวะผ่านNaran นั่งรถยาวนานเพื่อมาพักที่ เมืองอับบอตตาบัด เราได้พักห้องละคนเลย นอนกันสบายๆ ด้วยความใจดีของMr.Kashanเจ้าของบริษัททัวร์ที่นำเที่ยวเองเลย วันรุ่งขึ้นเราไปแคชเมียร์ แห่งปากีสถาน พักชมวิว หนึ่วคืน ที่โรงแรมที่สวยงาม Murree Hill ซึ่งอยู่บนยอดเขา เราได้เดินเทรลด้วย 4กม.ชมวิวสวยงาม อากาศเย็นสบาย พักผ่อนสบายๆ ให้หายเหนื่อย จากการนั่งรถทางไกลกันหลายวัน..
ถ้าจะถามว่าเดินทางไกลๆ แบบนี้ ห้องน้ำห้องท่าปากีสถานเป็นไงบ้าง?..ด้วยความเข้าใจกลุ่มคณะเราบรรดาส.ว.50up กันทั้งนั้น Mr.Kashan เตรียมแผนการรองรับไว้อย่างดี โดยให้เราเข้าห้องน้ำระหว่างทางตามโรงแรม ร้านอาหารที่มีมาตรฐาน เป็นส่วนใหญ่ ก็มีบ้างบางแห่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็ต้องทนเอาอึดใจบ้าง ระหว่างทางบนถนนไฮเวย์บางช่วงมีห้องน้ำในสถานีน้ำมันแห่งหนึ่ง สะอาดได้มาตรฐานสากลมาก ห้องน้ำจะล็อคกุญแจไว้ ต้องขอจากพนักงานปั้มพ์น้ำมัน ซึ่งให้บริการลูกค้าโดยเฉพาะ..
ในที่สุดก็มาถึงกรุงอิสลามาบัด ก่อนบินกลับ ที่นี่พลาดไม่ได้ มัสยิดชาห์ไฟซาล เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จุคนได้ถึงหนึ่งแสนคน ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี หลังคาปราศจากรูปโดมแต่เป็นหลังคาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกระโจมทะเลทราย จึงเป็นมัสยิดที่มีรูปแบบโมเดิร์นอาร์ต ผสมผสานเข้ากับจิตวิญญาณของมุสลิมได้อย่างลงตัว ที่สำคัญคือมัสยิดแห่งนี้เป็นของขวัญจากกษัตริย์ไฟซาลแห่งซาอุดิอาระเบียมอบให้แก่ชาวปากีสถานทุกคน จึงมีชื่อตามพระนามว่า"มัสยิดซาห์ไฟซาล"
กรุงอิสลามาบัด มีความเป็นระเบียบสวยงาม มีความเจริญ เราได้ไปเดินในศูนย์การค้าก็มีความทันสมัย สะอาด เหมือนพารากอน เซ็นทรัล ของไทยเรา ช่างแตกต่างผิดกับต่างจังหวัดที่เราผ่านมาระหวางทาง ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้เห็นผู้หญิง มีแต่ผู้ชาย แม่ค้าก็ไม่มี มีแต่พ่อค้า แต่ในศูนย์การค้าเราถึงจะได้เห็นพนักงานผู้หญิงขายของ
ก่อนบินกลับคืนนี้ Mr.Kashan พาคณะเราไปทานอาหารที่Monal Restaurant บนยอดเขา Margala Hill มองเห็นวิวสวยงามของกรุงอิสลามาบัด..อาหารมื้อนี้น่าทานมาก พร้อมวิวสวยงาม..
ผ่านไป12วัน ช่างรวดเร็ว ทุกวันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เร้าใจ ไปกับธรรมชาติบนเส้นทาง..ความฝันที่อยากเห็นภูเขาสูง หิมาลัย ในที่สุดเราก็ได้มาเดินทางบนเส้นทางขุนเขาสูงระดับแปดพันเมตร ที่สุดของโลกแล้ว..
มิตรภาพระหว่างกัน ความสุขจากการได้เดินทาง ถ่ายรูป กิน ช้อปปิ้งผ้าสวยๆpashmina ผ้าCashmere ถ่ายรูปกับวิวงาม เรื่องราวสนุกๆบนเส้นทางการเดินทาง เป็นความประทับใจที่อยู่ในความทรงจำพร้อมกับการได้เห็นสถานที่สวยงามที่ได้ไปเยือน..ไปตลอดกาล..
ขอแนะนำ สักครั้งหนึ่งในชีวิต..
Karakoram Highway,Pakistan.
ขอบคุณ พี่อ้วน บจก.สวีทแลนด์ แทรเวิลแอนด์ทัวร์แห่งป่าตอง ที่ให้บริการมายาวนานกว่าสามสิบกว่าปี ช่วยประสานงานติดต่อจัดการอำนวยความสะดวกทุกอย่าง และขอบคุณเอ็นซี ทัวร์โดยคุณนวลจันทร์ ผู้ชำนาญการท่องเที่ยวแถบนี้ มืออาชีพที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ยาวนานร่วม40ปีที่จัดโปรแกรมให้คำแนะนำและจัดเส้นทางการเดินทางอย่างคุ้มค่าคุ้มเวลา ขอบคุณ Mr Kashan Farook ที่เป็นLand Pakistan เจ้าของทัวร์ ออกมานำเที่ยวบริการด้วยตนเอง ให้เราได้พักสถานที่ดีที่สุด อาหารยอดเยี่ยม เตรียมห้องน้ำระหว่างทางให้ได้รับความสะดวก
ขอขอบคุณจากใจจริงอีกครั้ง
ศิรินัดดา มีนะกนิษฐ



ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น